มะขามป้อม : แก้ไอ
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica Linn.
มะขามป้อมจัดได้ว่าเป็นสมุนไพรที่เก่าแก่มาแต่ครั้งพุทธกาล เป็นผลไม้ที่พระภิกษุสามารถเก็บไว้ขบฉันแม้ในยามวิกาลได้ถือเป็นโอสถ คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ล้วนมีประสบการณ์ในการใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นพืชประจำถิ่นของภูมิภาคแถบนี้ เราจะพบมะขามป้อมได้ทั่วทุกภาคในเมืองไทยยกเว้นทางภาคใต้ มะขามป้อมจะขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าเต็งรังหรือที่เราเรียกว่าป่าแดง
ท่านใดที่เคยมีประสบการณ์ในการเดินป่าเต็งรังในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม จะพบต้นไม้ใบโกร๋นๆ แต่มีดอกบานสะพรั่งนานาชนิดให้ชื่นชมท่ามกลางความแล้งร้อน และโชคดีที่ช่วงนี้ในป่าจะมีผลมะขามป้อมให้เก็บกิน ชุ่มคอคอยดับกระหาย คลายเหนื่อยได้อย่างดี
มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุด คือมีวิตามินซี 276 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ทั้งวิตามินซีในมะขามป้อมยังถูกดูดซึมได้ดีกว่าวิตามินซีเม็ด แม้การนำไปตากแห้งหรือต้มที่มีส่วนทำให้วิตามินซีลดลง แต่ก็ยังมีวิตามินซีเหลือเฟือที่จะใช้รักษาโรคเช่น โรคลักปิดลักเปิด
ในอินเดียมีการใช้มะขามป้อมรักษาสารพัดโรค โดยเชื่อว่าการกินมะขามป้อมเป็นประจำจะบำรุงสายตา บำรุงผิว ทำให้ผิวขาวนวล บำรุงสมองช่วยให้นอนหลับ แก้น้ำเหลืองเสีย รวมทั้งยังใช้มะขามป้อมเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวใช้ทาผมเป็นยาบำรุง เป็นต้น
ปัจจุบันเราไม่ค่อยได้เห็นต้นมะขามป้อมกันมากนัก เพราะพื้นที่ป่าส่วนใหญ่ถูกบุกรุกแผ้วถางเป็นพื้นที่ทางการเกษตร และรสชาติผลมะขามป้อมไม่ค่อยจะถูกใจคนรุ่นใหม่ที่เน้นรสหวานมันเป็นหลัก มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีหลายรสตั้งแต่เปรี้ยว หวาน ฝาด ขม ซึ่งความหลากหลายรสนี้ในทางยาไทยเชื่อว่าสามารถรักษาโรคได้มาก รสที่เด่นของมะขามป้อมคือ รสขม ฝาด เปรี้ยว ซึ่งจะช่วยบำรุงเสียงให้ไพเราะ แก้กระหายน้ำ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้ไข้ คนไทยแต่เดิมจึงรู้กันโดยทั่วไปว่ามะขามป้อมบำรุงเสียง แก้ไอ
มะขามป้อม เป็นสมุนไพรอีกตัวหนึ่งที่น่าจะส่งเสริมให้นำมาทำเป็นน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ นอกจากจะมีสรรพคุณบำรุงร่างกายและรักษาอาการต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว น้ำมะขามป้อมยังมีรสเปรี้ยวนำ หวานเค็มตาม มีรสฝาดเล็กน้อย แต่รสก็กลมกล่อมดื่มแล้วชุ่มคอชื่นใจอย่าบอกใคร
วิธีการทำก็ไม่ยากอะไร เริ่มจากใช้มะขามป้อมแก่จัดเม็ดเล็กบ้างใหญ่บ้างไม่ว่ากันสัก 1 ถ้วย ล้างให้สะอาด แกะเมล็ดออก ใส่เครื่องปั่นหรือตำครกแบบไทยๆ ก็ได้ เติมน้ำ 2 ถ้วย เติมน้ำเชื่อมพอหวาน ประมาณ 1/3 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา ชิมรสดูตามชอบ จะได้น้ำมะขามป้อมสีนวลขุ่นๆ นำมาใส่ภาชนะเก็บไว้ในตู้เย็น
สำหรับการกินมะขามป้อมแก้ไอของคนไทยมีหลากหลาย ตั้งแต่กินสดๆ โดยค่อยๆ เคี้ยวกินกับเกลือ นำไปหมกหรือย่างไฟก่อนแล้วค่อยเคี้ยวอมกลืนทีละน้อยหรือต้มกินน้ำ บางรายก็นำไปตำกับเกลือนิดหน่อยแล้วเติมน้ำผึ้งลงไป หรือจะฝนผลแห้งกับน้ำแล้วแทรกเกลือ รวมทั้งสามารถทำเป็นมะขามป้อมกวนไว้กิน โดยนำมะขามป้อมมาต้มกับเกลือจนเปื่อย เอาเม็ดในออก บดให้ละเอียดแล้วกวนกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอนไว้อมแก้ไอ
ส่วนในอินเดียมีการใช้มะขามป้อมแก้ไอโดยใช้น้ำมะขามป้อมคั้น 1 ส่วนผสมน้ำผึ้ง 1 ส่วน ซึ่งใช้รักษาไอกรนในเด็กได้ด้วย โดยให้เด็กกินวันละ 2-3 ครั้งๆ ละ 1 ช้อนชา
ปัจจุบันการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า ในผลมะขามป้อมมีสารที่มีฤทธิ์ขับเสมหะ บรรเทาอาการไอได้จริง จึงเป็นที่น่าสนใจว่าจะทำอย่างไรที่จะนำสมุนไพรมะขามป้อมที่มีอยู่ในบ้านเรามาใช้เป็นยาทดแทนยาจากต่างประเทศ เพราะเราก็รู้ดีว่ายาแก้ไอจากต่างประเทศที่ใช้กันอยู่ไม่ต่างจากการจิบน้ำอุ่นสักเท่าใดนัก ทุกวันนี้ประเทศเราเสียดุลให้กับต่างประเทศในเรื่องยาแก้ไอประมาณปีละเกือบพันล้านบาท
เราคงต้องกลับมาทบทวนอย่างจริงจังว่า ทำไมเราไม่สามารถใช้สมุนไพรจากบ้านเราเป็นยารักษาโรคให้กับคนบ้านเราได้ แม้แต่โรคง่ายๆ อย่างอาการไอ ที่ไม่ใช่โรครุนแรงอะไรเลย หรือแม้แต่จะทำให้คนไทยหันกลับมาดื่มน้ำสมุนไพรเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ก็อาจต้องรอให้ฝรั่งมาทำน้ำมะขามป้อมใส่กล่องส่งมาขายเราเสียก่อน จึงจะนิยมดื่มกันให้เท่แบบไทยๆ อย่างนั้นหรือ
ความรู้จากคอลัมน์ สมุนไพรเพื่อสุขภาพ โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง มูลนิธิสุขภาพไทย
(มติชนสุดสัปหาห์)
Tweet
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น