ลำไส้ระคายเคือง
รักษาแบบธรรมชาติบำบัด
คุณเกริกกำชัย อายุ 42 ปี มีอาการอยากถ่ายอยู่เรื่อย ๆ วันละ 3-4 ครั้ง ไปถ่ายแต่ละครั้งก็ถ่ายได้ทีละน้อย เหลวบ้าง ข้นบ้าง เป็นอย่างนี้อยู่หลายวันและกลายเป็นท้องผูกไป 3-4 วันก็กลายเป็นท้องเสียอีก อาการจะยิ่งแล้วใหญ่ถ้าเกิดไปกินยาแก้ท้องเสียหรือยาระบายเข้า คราวนี้ปั่นป่วนไม่รู้เรื่องเลย ทนทรมานมาได้ 4 ปีกว่า คุณเกริกกำชัยไปหาหมอมาหลายโรงพยาบาล ตรวจอย่างละเอียดแล้วก็บอกว่า "ไม่มีอะไร คงจะเป็นกลุ่มอาการลำไส้ระคายเคือง" ให้กินยาเป็นพัก ๆ ดีบ้าง เลวบ้าง
"อาการของผมมีมากในปีนี้แหละ" เขาหมายถึงช่วงเวลาปี 2540 ซึ่งเงินบาทประกาศลอยตัวใหม่ ๆ เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่เครียดไปกับการทำมาหากินที่ฝืดเคืองขึ้น "หมอที่โรงพยาบาลบอกว่าโรคนี้เกี่ยวกับความเครียดด้วย" เขาเล่าให้ผมฟังเมื่อครั้งที่เดินเข้ามาปรึกษาเมื่อปลายปี 2540 ด้วยอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง กลุ่มอาการลำไส้ระคายเคือง หรือ Irritable bowel syndrome ทางธรรมชาติบำบัดมีทรรศนะต่อโรคดังนี้
สาเหตุ
โรคนี้ถือว่าเป็นโรคของสังคมศิวิไลซ์ สาเหตุก็อยู่ที่อาหารและวิถีชีวิตนั่นเอง ได้แก่
- การกินอาหารพวกแป้งขัดขาวที่ปราศจากเส้นใย ก่อให้เกิดอาการท้องผูกเรื้อรัง ทำให้เศษซากอาหารที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่เกิดการบูดเน่า กลายเป็นสารพิษที่ก่อฤทธิ์ระคายเคืองต่อผนัลำไส้ใหญ่ บ้างถึงกับทำให้เกิดแผลเปื่อยกัดเซาะที่ผนังลำไส้ใหญ่
- แผลกัดเซาะนี้ทำให้สารพิษเข้าไปสัมผัสกับท่อน้ำเหลือง และอาจหลุดเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง
- อาหารกลุ่มที่สร้างสาเหตุดังกล่าวได้แก่ คุ๊กกี้ ขนมปังขาว ข้าวขาว บะหมี่ซอง ขนมกรุบกรอบ ปาท่องโก๋ อาหารปิ้ง ย่าง ทอด น้ำตาลฟอกขาว ขนมหวาน น้ำอัดลม
- การกินยาระบาย กลไกของยาคือ ก่อการระคายเคืองกับผนังลำไส้ใหญ่ เพื่อให้สร้างมูกออกมาขับก้อนอุจจาระที่แข็งเป็นดาน จะเป็นผลให้ลำไส้ถูกกระตุ้นอย่างแรงเมื่อได้ฤทธิ์ยา อาจช่วยระบายได้ในขณะนั้น แต่ผลที่ตามมาคือ ลำไส้ใหญ่จะชะงักการทำงานเมื่อฤทธิ์ยาหมดไป ผลก็คือยิ่งท้องผูกเข้าไปใหญ่
- อารมณ์ก็มีส่วน การเคลื่อนตัวของลำไส้ก็ดี หรือการหลั่งน้ำย่อยของทางเดินอาหารก็ดี ควบคุมด้วยระบบประสาทอัตโนมัติ เรื่องราวใด ๆ ที่กระทบอารมณ์อาจทำให้ร่างกายตีความผิดไปว่ากำลังเผชิญอันตราย ผลก็คือ ระบบอาหารทั้งระบบจะชะงักการทำงาน ทั้งไม่ย่อยอาหารและไม่ขับเคลื่อนกากอาหารด้วย ผลคือ อาหารไม่ย่อยและท้องผูกเรื้อรังตามมา
- ที่ร้ายกว่านั้นคือ ถ้าความเครียดเขม็งเกลียวสุดสุด ก็กลับจะเกิดผลตรงกันข้ามคือ เกิดอาการท้องเสียขึ้นมาทันที ปฏิกิริยาเดียวกับอาการสัตว์ที่ตกใจจนอึราดฉี่ราด หรือเวลาที่รอจะเข้าห้องสอบหรือรับสัมภาษณ์ก็จะเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ
- ลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรังแบบนี้บางกรณีเกิดขึ้นหลังจากที่ป่วยเป็นไข้หวัด ภาวะที่ภูมิร่างกายตกต่ำมาก ๆ ทำให้เยื่อบุลำไส้ที่ถูกทำให้อักเสบโดยไวรัสอยู่แล้วสมานคืนตัวเองได้ลำบาก ผลคือ ท้องร่วงสลับท้องผูกเรื้อรังไปเรื่อย ๆ
- การแพ้อาหารบางอย่าง เช่น พวกฝรั่งมักแพ้กลูเตน คือโปรตีนในข้าวสาลี คนจีนเอาโปรตีนในข้าวชนิดนี้มาทำ "หมี่กึง" กินกันเอร็ดอร่อย ส่วนคนเอเชียนมกลับเป็นสาเหตุการแพ้ ทำให้ท้องเสียเรื้อรังได้จนถือกันว่า ลองหยุดดื่มนมเสียแล้วอาการท้องร่วงอาจจะหายโดยไม่ต้องรักษาอย่างอื่น
การรักษา
อาหารหยาบ ๆ คือกุญแจสำคัญของการรักษาโรคนี้ สมัยหนึ่งคิดกันว่า ในเมื่อลำไส้มีภาวะระคายเคืองมากแล้ว จึงต้องทะนุถนอมลำไส้ด้วยการกินอาหารที่ละเอียดอ่อนที่สุด ตอนนั้นจึงนิยมป้อนอาหารอ่อน ๆ ประเภทแป้งป่นละเอียดหวังจะรักษาโรคนี้ แต่ที่ไหนได้ โรคยิ่งร้ายแรงขึ้นกว่าเดิมเพราะภาวะท้องผูกไม่หมดไปสักที ตรงกันข้าม เมื่อเริ่มเข้าใจกลไกของโรคนี้ อาหารที่ควรแนะนำให้กินที่สุดคือ อาหารที่อุดมด้วยเส้นใย ที่สำคัญได้แก่ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท เผือก มัน ข้าวโพดต้ม เป็นต้น แต่ขณะที่กำลังมีอาการมาก การกินอาหารเส้นใยสูงก็อาจก่อกวนลำไส้ให้อักเสบยิ่งกว่าเดิม ธรรมชาติบำบัดจึงมีข้อแนะนำอย่างนี้ครับ
อดเพื่อสุขภาพ ก่อนอื่นในระยะเฉียบพลัน แนะนำให้อดโดยดื่มแต่น้ำผลไม้หรือน้ำสมุนไพรเป็นเวลา 3-14 วัน ทั้งนี้เพื่อให้เยื่อบุลำไส้ได้พักและสมานคืนตัวเอง น้ำผักผลไม้ก็ช่วยให้ภูมิต้านทานเฉพาะถิ่นของเยื่อบุลำไส้ทำงานดีขึ้น ดื่มน้ำผักผลไม้ ให้ดีคือ น้ำแครอท(มีเบต้าแคโรทีนมาก) น้ำแอ๊ปเปิ้ล น้ำฝรั่ง(มีวิตามินซีมาก) ชากระเจี๊ยบ(มีวิตามินซีคอมเพล็กซ์สูง) ชาตะไคร้(ช่วยย่อยและขับลม) โดยเป็นน้ำคั้นสดโดยเครื่องคั้นแยกกาก หรือน้ำผลไม้ 100% ไม่เติมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาล
สวนล้างลำไส้ อาจสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำคลอโรฟิลด์ โดยสกัดจากผักต่าง ๆ จากเครื่องคั้นแยกกาก(Juicer) เช่น กะหล่ำปลี มะระจีน มะระขี้นก ผักใบเขียวอื่น ๆ เท่าที่จะหาได้ หรือใครนิยมของสำเร็จรูป เช่น ผักเม็ด (ทำจากน้ำสกัดเข้มข้นของอัลฟัลฟาและวีตกลาส) เอา 1 เม็ดละลายน้ำ 500-1,000 ซีซี สวนทวารวันละครั้งก่อนอาหารเย็น วันที่ 1, 2, 3 จากนั้นให้สวนวันเว้นวัน
หยุดการอด เมื่อดีขึ้นแล้ว ให้หยุดการอดด้วยวิธีนุ่มนวลคือ ค่อย ๆ เพิ่มกล้วย กล้วยต้มบ้าง แอ๊ปเปิ้ลอบบ้าง วันละเล็กน้อยสัก 2 วันตามด้วยการกินโจ๊กข้าวกล้องอีก 2 วัน
เริ่มอาหารแบบปกติ ถึงตรงนี้ให้หันมากินอาหารธรรมชาติที่ประกอบด้วย ข้าวกล้องหุงให้นุ่ม ผักลวก กินปลาเล็กปลาน้อย เป็นการกระตุ้นร่างกายเพื่อรับอาหารอย่างปกติสัก 1-2 วัน วันถัดไปจึงกินข้าวกล้อง ผักสด น้ำพริกได้ในที่สุด
คุณเกริกกำชัยมาหาผมด้วยอาการที่ไม่รุนแรงแต่เป็น ๆ หาย ๆ ผมจึงแนะนำแต่เพียงให้สวนล้างลำไส้ด้วยน้ำอุ่น 5 แกลลอน เพื่อขจัดคราบตะกรันที่จับเขลอะในลำไส้ใหญ่ให้หมด จากนั้นให้กินข้าวกล้องน้ำพริกผักจิ้มเป็นประจำ เขานำไปปฏิบัติตาม ไม่ได้พบผมอีกเลยเป็นเวลา 2 ปี จนเมื่อเช้านี้เข้ามาพบผมอีกครั้งเพื่อสวนล้างลำไส้
"โรคลำไส้ไม่มาเล่นงานผมอีกเลย ผมถ่ายปกติวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น"
ความรู้จากคอลัมน์ ธรรมชาติบำบัด (มติชนสุดสัปดาห์) โดย น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล
Tweet
วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น