วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
วิถีสุขภาพไทย คนไทยแข็งแรงกว่าฝรั่ง
ในขอบเขตทั่วโลก ยุคสมัยทางสุขภาพได้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วจนแทบจะเรียกได้ว่า ใครก็ตามที่ไม่ได้มีการติดตาม เกาะกระแสหรือยึดติดกับหลักวิชาการเก่า ๆ หรือเพียงขาดวิสัยทัศน์ในการวิเคราะห์สถานการณ์ก็อาจตกกระบวนของกระแสการเปลี่ยนแปลงทางสุขภาพไปได้ง่าย ๆ เพราะเพียงแค่ระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา ยุคสมัยทางสุขภาพได้ก้าวล่วงไป 3-4 ระลอกแล้ว
ระลอกแรก ยุคท้ายของอาหาร 5 หมู่
เป็นช่วงเวลาก่อน 20 กว่าปีที่แล้วในสหรัฐอเมริกาและก่อนเวลาเกือบ 20 ปีในไทย (โดยปกติไทยจะตามหลังกระแสสุขภาพของสหรัฐฯประมาณ 5-10 ปี) เป็นยุคสุดท้ายของความคิด "อาหาร 5 หมู่" ซึ่งความคิดนี้เคยเป็นสัจธรรมอย่างยิ่งทั้งในยุโรปและอเมริกาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะอยู่ในภาวะข้าวยากหมากแพง มีการส่งเสริมให้ผู้คนอยู่ดีกินดี กินเนื้อนมไข่มาก ๆ เพื่อต่อสู้กับภาวะขาดอาหาร เมื่อประเทศต่าง ๆ ร่ำรวยขึ้นผู้คนกินอาหารล้นเกินจนเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคมะเร็งตามมา ความคิดนี้จึงเริ่มเปลี่ยนไป
ระลอกที่สอง ยุคมังสวิรัติ แม็คโครไบโอติกส์และธรรมชาติบำบัด
เริ่มประมาณ 20 ปีที่แล้วในสหรัฐและ 15 ปีที่แล้วในประเทศไทย ผู้คนตระหนักว่า การกินเนื้อสัตว์ล้นเกิน ไขมันมาก ก่อโรคหัวใจกระทั่งมะเร็ง จึงมีผู้รักสุขภาพในอเมริกาส่วนหนึ่งหันมาสนใจกินมังสวิรัติ (แม้ว่ามังสวิรัติมีก่อนหน้านี้มานานแล้ว) ตามด้วยอาหารแม็คโครไบโอติกส์ซึ่งเผยแพร่ข้ามทวีปจากญี่ปุ่นไปอเมริกา อาหารสองประเภทนี้มีผลในการบำบัดฟื้นสภาพคนไข้โรคหัวใจกระทั่งโรคมะเร็งได้ในบางคน มีการพูดถึงอาหารหยิน-หยางจากซีกแม็คโครไบโอติกส์และบทบาทของเอนไซม์ในอาหารธรรมชาติจากนักธรรมชาติบำบัดในยุโรปและอเมริกา
ระลอกที่สาม ยุคแอนตีออกซิแดนท์
เริ่มประมาณ 15 ปีที่แล้วในสหรัฐและประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วในไทย ในอเมริกามีกระแสการกินวิตามินระดับสูงเพื่อป้องกันและรักษาโรคโดยการวิจัยที่ค้นพบว่า สารอนุมูลอิสระก่อให้เกิดความเสื่อมของร่างกายและอาจขจัดได้ด้วยวิตามินระดับสูงในกลุ่มแอนติออกซิแดนท์ ยุคนี้บูมสุดด้วยกระแสขายวิตามินและอาหารเสริมระบบขายตรงทั้งในอเมริกาและไทย ยุคนี้เองที่ฝ่ายแม็คโครไบโอติกส์และธรรมชาติบำบัดที่มีหลักการจะยังคงยึดมั่นในการใช้อาหารธรรมชาติแทนการใช้วิตามินที่เป็นเม็ด ๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะใช้วิตามินอาหารเสริมเหล่านี้ในกรณีการรักษาโรค ไม่ใช่กินกันเล่น ๆ ปล่อยปละละเลยการกินอยู่ในชีวิตประจำวัน และยุคนี้เองมีกระแสการใช้สุขภาพแบบองค์รวมโดยประสานหลักการด้านอาหารเข้ากับการออกกำลังกายทั้งตะวันตกและตะวันออกเช่น ไท้เก๊ก ชี่กง โยคะ รวมถึงการผ่อนคลายฝึกจิตทำสมาธิ กระทั่งการรับพลังจักรวาลเกิดมีสองกระแสย่อย ๆ ในกลุ่มผู้ปฏิบัติ หนึ่งคือ นักบำบัดประเภทต่าง ๆ ที่เป็น "การแพทย์ทางเลือก" อีกหนึ่งคือ ฝ่ายแพทย์ที่เห็นด้วยกับการใช้ศิลป์และศาสตร์นานาชาติมาร่วมใช้ในทางการแพทย์ซึ่งเสนอ "การแพทย์แบบองค์รวม" ปลายยุคนี้อยู่ประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วในสหรัฐและเกือบ 10 ปีที่แล้วในประเทศไทย
ระลอกที่ 4 ยุคการแพทย์จรรโลงสุขภาพ (Functional Medicine)
ยุคนี้เพิ่งเข้ามาจริงจังในสหรัฐเมื่อร่วม 10 ปีที่แล้วและไม่กี่ปีในประเทศไทยนี่เอง ยุคนี้เรารู้จักสารซูเปอร์แอนติออกซิแดนท์เช่น เมล็ดองุ่น ชาเขียว ใบแปะก๊วย ขมิ้นชัน ใบหม่อน พบสารผักที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง เสริมภูมิต้านทาน ลดการอักเสบ ป้องกันเซลล์เสื่อมชรา ยุคนี้ลำพังวิตามินต้านอนุมูลอิสระแทบจะล้าหลังไปด้วยซ้ำ เป็นยุคเฟื่องฟูของการแพทย์พื้นถิ่นของชนชาติต่าง ๆ ที่กลับมาในมาดใหม่อันประกอบด้วยการวิจัยมาสนับสนุน การแพทย์แผนไทยพูดถึงการกินอาหารตามธาตุเจ้าเรือนแล้วร่างกายแข็งแรง กินอาหารปรับธาตุช่วยรักษาโรคได้ ธรรมชาติบำบัดพูดถึงสารแอนติออกซิแดนท์ ซูเปอร์แอนติออกซิแดนท์และสารผักที่ค้นพบในผักพื้นบ้านและอาหารพื้นถิ่น ค้นพบการเพิ่ม T cell lymphocyte ด้วยการฝึกชี่กง
ในวันนี้เอง ตะวันตกค้นพบความจริงที่น่าตกตะลึงว่า ณ รุ่งอรุณแห่งศตวรรษที่ 21 ฝรั่งตะวันตกกำลังเจ็บตายมากกว่าคนไทย เช่น อเมริกันกำลังป่วยด้วยเบาหวานมากกว่าคนไทย 4 เท่า มีกระดูกผุมากกว่าคนไทย 10 เท่า ตายด้วยโรคหัวใจมากกว่าคนไทย 6 เท่า และตายด้วยโรคมะเร็งมากกว่าคนไทย 2.5 เท่า
ทฤษฎีอาหารตะวันตกที่ส่งเสริมการกินเนื้อ นม ไข่ กลับเกิดผลสะท้อนให้ใกล้หลุมเสียยิ่งกว่าคนไทยที่ถูกพวกเขาดูถูกมาแต่ไหนแต่ไร ผลก็คือ พวกเขาเก็บงำความจริงข้อนี้ไว้ดำมืด แต่บริษัทข้ามชาติจากญี่ปุ่นและอเมริกาก็กำลังลุยลึกเข้าป่าเขา ท้องทุ่งของประเทศต่าง ๆ ในเขตร้อนชื้นเพื่อสกัดสารผัก สารต้านมะเร็งจากพืชพันธุ์ของประเทศตะวันออก เพื่อผลิตเป็นเม็ดมาขายคนไทยและคนเอเชียอีกครั้งหนึ่ง
ความรู้จากคอลัมน์ ธรรมชาติบำบัด (มติชนสุดสัปดาห์) โดย น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล Tweet
ป้ายกำกับ:
ธรรมชาติบำบัด,
แพทย์ทางเลือก,
แพทย์องค์รวม,
วิถีไทย,
สุขภาพ,
functional medicine
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น