True Love รักแท้
คุณแม่อายุ 45 ปี ดิฉันอายุ 25 ปี คุณแม่กับคุณพ่อแต่งงานกันและมีดิฉันตั้งแต่ท่านยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ท่านครองคู่กันอย่างมีความสุข
เมื่อ 2-3 ปีก่อน ในโอกาสวันคืนสู่เหย้าปีที่ 25 ของโรงเรียนมัธยมที่ท่านเคยเรียน คุณแม่รื้อเอาหนังสือที่ระลึกรุ่นและของที่ระลึกที่ท่านสะสมออกมาให้ดิฉันดู ดิฉันประหลาดใจมากที่เมื่อคุณแม่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกับดิฉันท่านช่างเหมือนกับดิฉันเหลือเกิน ขณะที่เรากำลังดูหนังสือรุ่นกันอยู่นั้น คุณแม่น้ำตาคลอเมื่อเจอรูปเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาชื่อเบนนี่ ท่านเคยควงกับเขาอยู่ 3 ปี
ทั้งคู่รักกันปานจะกลืน แต่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วยเนื่องจากเบนนี่มีเชื้อสายยิว ส่วนครอบครัวคุณแม่นับถือคริสต์นิกายแบ๊พติสต์ ทั้งสองเคยคิดจะหนีตามกัน หรือไม่ก็แอบได้เสียและแต่งงานกันโดยพลการ หรืออย่างน้อยก็พยายามจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ผู้ใหญ่ก็จับท่านแยกกัน โดยต่างฝ่ายต่างส่งลูกไปเรียนคนละมุมของประเทศ พวกเขาได้พยายามติดต่อกันแต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งคุณแม่มาตกหลุมรักคุณพ่อ ส่วนเบนนี่ก็เข้าเรียนแพทย์ พอเรียนจบก็ไปเป็นศัลยแพทย์ประจำกองทัพอากาศ
ทั้งสองเจอกันในวันคืนสู่เหย้า ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร คุณแม่ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าเธอรู้สึกอย่างไรเมื่อได้เจอเขาอีก ดิฉันรู้เพียงว่าเขายังเป็นโสด
ปีที่แล้วคุณแม่จัดงานเลี้ยงและเชิญให้ดิฉันไปร่วมเพื่อจะได้พบเพื่อนเก่าสมัยมัธยมของท่านบางคน เมื่อก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น ดิฉันเห็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่งนั่งอยู่ ไม่เคยเห็นใครหล่อเท่านี้มาก่อนในชีวิต สูง หล่อ ผิวเข้มอีกต่างหาก เข้าสูตรชายในฝันเลยเชียว
คุณแม่แนะนำเขากับดิฉันว่าเขาคือ นายแพทย์เบนจามิน... เขาคือเบนนี่ คนรักในอดีตของท่านนั่นเอง มันเป็นรักแรกพบของเขากับดิฉัน เรามีความสัมพันธ์หวานชื่นต่อกันมาก
ตอนแรกเราเก็บเป็นความลับ มันเหลือเชื่อจริงๆ เราพากันไปพบจิตแพทย์และผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับชีวิตคู่ ดิฉันต้องการรู้แน่ว่าเขารักดิฉันจริงๆ ไม่ใช่เพราะรักคุณแม่ของดิฉัน ในที่สุดเราก็ตกลงใจแต่งงานกัน เราบอกเรื่องนี้แก่ครอบครัวของเขาเป็นอันดับแรก พวกเขาบอกว่ามันเป็นเรื่องพรหมลิขิตโดยแท้
เมื่อเราบอกเรื่องนี้แก่คุณแม่ของดิฉัน ท่านถึงกับร้องไห้แล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะชนิดกลั้นความปิติยินดีไว้ไม่อยู่ ทั้งคุณพ่อและุคุณแม่โล่งใจที่เรื่องลงเอยแบบนี้...
เอส.เอฟ.จี.
หลุยส์วิลล์ เคนทักกี
“We’re all a little weird. And life is a little weird. And when we find someone whose weirdness is compatible with ours, we join up with them and fall into mutually satisfying weirdness—and call it love—true love.”
― Robert Fulghum, True Love
เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ไปงานเต้นรำวันศุกร์หรรษากับวงดนตรีวงใหญ่งานหนึ่งที่ซีแอตเติล คู่เต้นรำหลายร้อยคู่ออกมาวาดลวดลายทั้งในจังหวะวอลตซ์ จังหวะธรรมดา รวมทั้งฟอกซ์ทรอต... ฟากหนึ่งของฟลอร์เป็นคู่ตายายชาวเอเชียแต่งตัวเกือบเป็นฝาแฝดกันในชุดกางเกงสีกากี เสื้อเชิ้ตตาหมากรุก รองเท้าเทนนิส กอดกันราวกับเถาวัลย์ พวกไม่เชิงเต้นรำ แค่เอนหัวไปตามจังหวะดนตรี นี่ก็พิลึก หันไปทางไหนล้วนแต่เป็นคู่รักที่ดูพิลึกๆ หาคู่รักที่เฉิดฉายน่าประทับใจไม่ได้เลย แล้วไง มันสำคัญอะไรล่ะ
คุณอยากรู้ว่าผมคิดยังไงใช่ไหม ผมคิดว่าเราล้วนมีอะไรแปลกๆ กันทุกคน เมื่อพบคนที่มีความประหลาดที่เข้ากับเราได้ เราก็ร่วมวงไปกับเขา ในที่สุดก็พึงพอใจในความพิลึกของกันและกัน แล้วเรียกมันว่า รัก -- " รักแท้ "
โรเบิร์ต ฟูลกัม
เล่าเรื่องความรักสู่กันฟังสักเรื่องสิครับ เอาเรื่องที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณจริงๆ ไม่ใช่ที่อ่านพบหรือได้ยินได้ฟังมาจากที่อื่น...
... ผมได้รับจดหมายจากคนอายุตั้งแต่แปดขวบถึงแปดสิบจากทั่วสารทิศ ทั้งชาย หญิง และผู้นิยมไม้ป่าเดียวกัน คนฉลาดเฉลียวและคนทึ่มสุดๆ... ตอนแรกผมคิดว่าคงจะมีแต่เรื่องหวานมันหนึบหนับเหมือนท็อฟฟี่ เรื่องรักประเภทนกน้อยสีฟ้ากับสายรุ้ง แต่กลับได้พบความแปลกใจที่ขมปี๋เหมือนดีเกลือ กลับได้ฟังเรื่องรักแบบพายุสลาตันระคนด้วยฟ้าผ่า..
แค่จดหมายยังไม่ถึงใจ ผมจึงเสาะแสวงหาเรื่องรักโดยใช้วิธีแขวนป้ายไว้ตามร้านกาแฟหรือบาร์ ตลอดจนงานเทศกาลต่างๆ ในเมืองซีแอตเติลว่า เชิญมาเล่าเรื่องความรักของคุณให้ผมฟัง ผมยินดีตอบแทนด้วยการเลี้ยงกาแฟและอาจทำให้คุณมีชื่อเีสียงได้ ปรากฏว่ามีคนสนใจมากทีเดียว...
ในระยะแรก การจะให้คนเปิดใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เป็นปัญหาพอสมควร ผู้เล่ามักมีอาการเก้อเขินและออกตัวว่าเรื่องออกจะยืดยาวไม่หวานแหววเท่าไหร่ แต่พอได้รับกำลังใจก็ยอมเล่า บางครั้งผู้ฟังถึงกับยืนขึ้นปรบมือให้แก่ผู้เล่า ทำให้มีคนเข้ามาสมทบมากขึ้น มีคนตะโกนถามว่า "ท ำอะไรกันน่ะ "
" อ๋อ ต้องการเรื่องจริงเกี่ยวกับความรักงั้นรึ " " ฉันมีอยู่เรื่องหนึ่งที่คุณคิดว่าเหลือเชื่อ " แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แปลกสิ้นดี ที่ความไม่น่าเชื่อนั้นกลับทำให้เรื่องน่าเชื่อ หากความจริงแปลกกว่านิยายได้ ความรักก็ยิ่งแปลกขึ้นไปอีก การยุติเล่าเรื่องความรักแต่ละเรื่องดูจะยากยิ่งกว่าการพยายามยุให้พวกเขาเริ่มต้นเล่าเสียอีก เป็นประสบการณ์ที่เราทุกคนเคยพบและอาจเกิดขึ้นอีก
เรื่องที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องที่จะเล่าต่อมา คือ หญิงสาวคนหนึ่งนั่งฟังชายหนุ่มเล่าถึงความรักที่ถูกผลักไสไร้เยื่อใยไมตรีอย่างเพลิดเพลิน พอเขาเล่าจบ เธอบอกว่าไม่มีวันที่เธอจะปฏิเสธผู้ชายที่มีความรู้สึกกับความรักแบบนั้น ชายหนุ่มจึงขอฟังเรื่องของเธอบ้าง ตอนที่ผมจากมาคนทั้งคู่ยังคุยกันต่อ จะเกิดอะไรต่อจากนั้น ในความรักทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ
สุภาพบุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งยื่นซองจดหมายสีฟ้าให้ผมฉบับหนึ่ง พร้อมบอกว่า "ก่อนอ่านจดหมายฉบับนี้ ผมอยากให้คุณทราบด้วยว่าผมเก็บมันมานานนับสิบปีแล้ว เป็นจดหมายจากภรรยาซึ่งผมได้แต่งงานอยู่กินกันมาจนบัดนี้" จดหมายมีข้อความเขียนด้วยปากกาว่า
แฮร์รี่สุดที่รัก
ฉันเกลียดคุณ เกลียดคุณ เกลียดคุณ
ด้วยความรักและนับถือเป็นที่สุด
เอ็ดน่า
ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา นึกเดาเรื่องที่เหลือได้โดยตลอด...
หลายเรื่องเริ่มต้นอย่างเรียบง่ายแต่จบลงชนิดคาดไม่ถึง จนบางครั้งคุณอดถามไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริงแน่หรือ ผมเชื่อว่าจริง เพราะผมรู้เรื่องเกี่ยวกับรักแท้มามากจนไม่อาจโต้แย้งได้ ทุกสิ่งที่กล่าวเกี่ยวกับความรักเป็นความจริง แม้จะไม่จริงกับทุกคนในคราวเดียวกันแต่ก็เป็นเรื่องจริงสำหรับใครบางคน ณ ที่ใดที่หนึ่ง ในกาลครั้งหนึ่ง ความรักเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่และอาจเป็นขยะกองใหญ่... และเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตมีค่าน่าอยู่...
อ่านเรื่องเต็มได้จาก True Love, Robert Fulghum
รักแท้ แปลและเรียบเรียงโดย สมพร วรรธนะสาร วาร์นาโด
Tweet
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น